ชื่อสามัญ Coral Tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ Erythrina crista - galli.
ตระกูล PAPILIONACEAE
1. ทองหลางด่าง
ชื่อสามัญ : Indian Coral
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Erythrina variegata.
วงศ์ : LEGUMINOSAE
ชื่ออื่น : ทองหลางลาย
2. ทองหลางบ้าน
ชื่อสามัญ : Crabclaw
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Erythrina indica.
วงศ์ : LEGUMINOSAE
ชื่ออื่น : ทองหลางดอกแดง
ลักษณะทั่วไป
ทองหลางเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ลำต้นมีความสูงประมาณ 10 - 20 เมตรผิวเปลือกลำต้นบางมีสีเทาหรือเหลืองอ่อนๆ ลำต้นและกิ่งก้านนั้นมีหนามแหลมคมใบเป็นใบรวมออกเป็นช่อมีประมาณ 3 ใบลักษณะใบเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายใบโพธิ์ขนาดใบกว้างประมาณ 2 -3 นิ้วยาวประมาณ35นิ้วผิวใบเรียบสีเขียวหรือด่างเหลืองๆใต้ท้องใบมีสีขาวขุ่นก้านช่อยาวประมาณ 3-5 นิ้วดอกออกเป็นช่อติดกันเป็นกลุ่มออกตามบริเวณข้อต้นหรือโคนก้านใบลักษณะดอกคล้ายกับดอกถั่วมีแดงหรือชมพูกลีบดอกกว้างประมาณ 1-2 นิ้ว ยาวประมาณ 2-3 นิ้ว ช่อดอกยาวประมาณ 4-8 นิ้ว ผลเป็นฝักแบนโค้งเล็กน้อย โคนฝักจะลีบเล็กผลแก่ฝักจะแตกที่ปลายอ้าออกภายในฝักมีเมล็ดเป็นเหลี่ยมนอกจากนี้ลักษณะของต้นใบดอกแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์
การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นทองหลางไว้ประจำบ้านจะทำให้มีทองมาก มีความร่ำรวย เพราะทองหลางเป็นไม้มงคลนาม คือมีทองมากมายหลากหลาย นอกจากนี้ทองหลางใบสีทองยังมีความสวยงาม ดุจประกายทองสีเหลือง เรืองรองดดาดตาและโบราณยังมีความเชื่ออีกว่าถ้านำใบทองหลางไปใช้เป็นเครื่องประกอบในพิธีสำคัญทางศาสนาจะทำให้เกิดสิริมงคลยิ่งขึ้น เช่น พิธีปลูกบ้าน พิธีแต่งาน และยังเชื่ออีกว่า ต้นทองหลางเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่ปลูกบนสวรรค์ในสมัยพุทธกาล จึงได้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ต้นประวาลพฤกษ์หรือต้นปาริชาติ
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัยควรปลูกต้นทองหลางไว้ทางทิศเหนือผู้ปลูกควรเป็นผู้ที่เกิดในปีมะแมเพราะต้นทองหลางเป็นต้นไม้ประจำปีมะแมด้วยถ้าหากผู้อาศัยในบ้านเกิดปีมะแมด้วยแล้วก็จะเป็นมงคลมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์
การปลูก
นิยมปลูกลงในแปลงปลูก เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ขนาดหลุมปลูก 50 x 50 x 50 เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก ถ้าปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้าน หรืออาคาร ควรปลูกให้มีระยะห่างที่เหมาะสม เพราะทองหลางเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มโตพอสมควร
การดูแลรักษา
แสง ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง
ดิน ชอบดินร่วนซุย
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2: 3 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 3-4 ครั้ง หรือใช้ปุ๋ยเคมี สูตร 15 - 15 - 15
อัตรา 100-300 กรัม/ต้น ใส่ปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธ์ การปักชำ การตอน
โรค ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะมีความทนทานต่อโรคได้ดี
ศัตรู เพลี้ยต่าง ๆ (Aphis)
อาการ กัดแทะใบ ทำให้ใบเป็นรู เป็นรอย โดยเฉพาะใบอ่อนจึงทำให้ทรงพุ่มแคระแกร็น
การป้องกัน ทำลายตัวอ่อนของเพลี้ยก่อนเจริญเป็ฯตัวแก่
การกำจัด ใช้ยาคาร์บาริล (Carbaryl) อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น